เมนู

นิทรรศการออนไลน์



วั น รั ฐ ธ ร ร ม นู ญ


10 ธันวาคม 2564

ตอนที่ 1 : หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475

เปลี่ยนแปลงการปกครองไทย

วันที่ 24 มิถุนายน 2475 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว กลุ่มบุคคลที่เรียกตนเองว่า “คณะราษฎร” ได้ทำการยึดอำนาจและเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุด



เริ่มต้นรัฐธรรมนูญไทย

วันที่ 27 มิถุนายน 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับแรก คือ พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามที่คณะราษฎรเสนอมา โดยทรงเติมคำว่า “ชั่วคราว” ไว้ต่อท้าย ทั้งนี้ ได้มีพระราชกระแสรับสั่งแก่คณะราษฎรว่า ให้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินนั้นไปชั่วคราวก่อน แล้วให้สภาผู้แทนราษฎรที่ตั้งขึ้นจัดทำธรรมนูญการปกครองแผ่นดินฉบับถาวรขึ้นใช้แทนต่อไป

วันที่ 28 มิถุนายน 2475 ในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดแรกและครั้งแรกของไทย ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินฉบับใหม่ โดยมีพระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็นประธานอนุกรรมการ ระหว่างที่คณะอนุกรรมการกำลังร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินอยู่นั้น ได้เชิญชวนให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน ในการนี้ หม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ ได้แสดงความคิดเห็นให้เปลี่ยนชื่อเรียกพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน โดยใช้คำว่า “รัฐธรรมนูญ” แทน และอนุกรรมการฯ เห็นชอบด้วย

เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นลง คณะอนุกรรมการฯ ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2475 และมีมติให้นำร่างรัฐธรรมนูญกลับไปพิจารณาภายในเวลา 10 วัน เพื่อความรอบคอบ แล้วนำกลับเข้ามาประชุมพิจารณากันอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน 2475 จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2475 ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต่อมาวันที่ 2 ธันวาคม 2475 ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชปรารภพระราชทานรัฐธรรมนูญซึ่งจะปรากฏในส่วนแรกของรัฐธรรมนูญ และที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชปรารภนั้น จึงถือเป็นการสิ้นสุดของกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นได้นำรัฐธรรมนูญไปจารึกลงในสมุดไทย จำนวน 3 ฉบับ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้ต่อไป

พระราชทานรัฐธรรมนูญ

วันที่ 10 ธันวาคม 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม ในพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญฉบับสมุดไทยที่จัดทำขึ้นทั้ง 3 ฉบับแล้ว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานและประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ในโอกาสเดียวกันนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ในวันที่ 11 และ 12 ธันวาคม 2475 ด้วย ถือเป็นการให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมาก

ตอนที่ 2

กำเนิดวันรัฐธรรมนูญ

ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองและประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว คำขวัญของชาติจากเดิมที่ว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้เปลี่ยนเป็น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ ต่อมาภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2490 ทางราชการได้กลับไปใช้คำขวัญเดิม

ในการจัดพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญได้ปฏิบัติสืบต่อกันเรื่อยมา แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศสละราชสมบัติในปี 2477 แล้วก็ตาม โดยในปีต่อ ๆ มา ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้ประกอบพิธีดังกล่าวแทน

ปี พ.ศ. 2478

ในปี พ.ศ. 2478 มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องวันหยุดและพิธีการที่เกี่ยวข้อง โดยมีหม่อมเจ้าวรรณไวทยากร วรวรรณ เป็นประธานกรรมการ ซึ่งคณะกรรมการได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีมีมติวางระเบียบกำหนดวันหยุดราชการประจำปีที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ดังนี้
วันขอพระราชทานรัฐธรรมนูญ คือ วันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันที่คณะราษฎรได้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศ จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย
วันรัฐธรรมนูญชั่วคราว คือ วันที่ 27 มิถุนายน เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยาม ฉบับชั่วคราว
วันรัฐธรรมนูญ คือ ตั้งแต่วันที่ 9 ถึงวันที่ 11 ธันวาคม เป็นช่วงเวลาที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 และมีการจัดพระราชพิธีฉลองรัฐธรรมนูญ

ปี พ.ศ. 2482 - 2483

ในปี พ.ศ. 2482 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้กำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการใหม่ เป็นดังนี้
วันขอพระราชทานรัฐธรรมนูญ วันที่ 24 มิถุนายน เปลี่ยนเป็น วันชาติ (National Day) คือ วันที่ 23 ถึงวันที่ 25 มิถุนายน
วันรัฐธรรมนูญชั่วคราว ยกเลิกไป
วันรัฐธรรมนูญ ยังคงไว้ตามเดิม คือ ตั้งแต่วันที่ 9 ถึงวันที่ 11 ธันวาคม

ในปี พ.ศ. 2483 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ตั้งคณะกรรมการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการ ในการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ เดิมงานฉลองรัฐธรรมนูญเป็นงานพระราชพิธี แต่คณะกรรมการจัดงาน ฯ ได้เปลี่ยนเป็นงานรัฐพิธี

ปี พ.ศ. 2490 - 2491

ในปี พ.ศ. 2490 ได้กำหนดรัฐพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญเป็นวันที่ 10 ธันวาคม เพียงวันเดียว และได้เปลี่ยนจากงานรัฐพิธีเป็นงานพระราชพิธีดังเดิม

ในปี พ.ศ. 2491 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้กำหนดเวลาทำงานและวันหยุดราชการใหม่
โดยวันชาติ จากที่เคยเป็นวันที่ 23 ถึงวันที่ 25 มิถุนายน มาเป็น วันที่ 24 มิถุนายน เพียงวันเดียว ต่อมาถูกยกเลิกไป
ส่วนวันรัฐธรรมนูญ จากที่เคยเป็นวันที่ 9 ถึงวันที่ 11 ธันวาคม มาเป็น วันที่ 10 ธันวาคม เพียงวันเดียว

ปี พ.ศ. 2491 - ปัจจุบัน

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 เป็นต้นมา วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี จึงถือเป็น “วันรัฐธรรมนูญ” จวบจนปัจจุบัน

ตอนที่ 3

งานฉลองรัฐธรรมนูญ


วันที่ 10 ธันวาคม 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ณ ท้องพระโรง พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยในวันนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอ่านคำประกาศดำเนินกระแสพระบรมราชโองการพระราชทานธรรมนูญฯ มี มหาอำมาตย์โท พระยามโนปกรณ์นิติธาดา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เชิญรัฐธรรมนูญน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวาย ต่อมาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามแด่เจ้าพระยาพิชัยญาติ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถือเป็น “รัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก” ของสยามประเทศ และนั่นจึงทำให้เกิดธรรมเนียมประเพณีที่เรียกว่า “งานฉลองรัฐธรรมนูญ” ตามมา

เมื่อได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรแล้ว รัฐบาลไทยจึงเห็นควรให้มีการฉลองรัฐธรรมนูญขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคม 2475 มีการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญกันทั่วประเทศอย่างคึกคัก มีทั้งการแสดงมหรสพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลิเก ละคร โขน งิ้ว ภาพยนตร์ มีการประกวดการออกร้านค้า การจำหน่ายสินค้า ทั่วบริเวณพื้นที่สำคัญในยุคนั้น อาทิ ท้องสนามหลวง พระบรมมหาราชวัง ท่าราชวรดิษฐ์ วัดราชบูรณะ รวมถึงสะพานพระพุทธยอดฟ้า และตามสถานที่สำคัญในจังหวัดต่าง ๆ และในปีต่อมาได้มีการขยายขอบเขตการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญยังสถานทูตไทยในต่างประเทศอีกด้วย



ในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้กำหนดให้จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ 3 วัน ระหว่างวันที่ 8-10 ธันวาคม โดยวันแรกเป็น “งานพระราชพิธี” ส่วนสองวันที่เหลือเป็น “งานฉลองและแสดงมหรสพ” อีกทั้งยังเคยย้ายสถานที่จัดหลายแห่ง อาทิ วังสราญรมย์ สนามหลวง ท่าราชวรดิฐ เขาดินวนา และที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนคือในปี พ.ศ. 2476 เคยมีงานฉลองรัฐธรรมนูญยาวนานกว่าครึ่งเดือน คือตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน ไปจนถึง 12 ธันวาคม กันเลยทีเดียว

อีกทั้งงานฉลองรัฐธรรมนูญในยุคแรก ช่วงปี พ.ศ. 2475-2483 จัดขึ้น 2 ครั้งต่อปี คือในวันที่ 27 มิถุนายน เพื่อฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และวันที่ 10 ธันวาคม เป็นวันฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่ในปี พ.ศ. 2483 เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” ในวันที่ 24 มิถุนายน และกำหนดให้วันที่ 24 มิถุนายนเป็น “วันชาติ” และเป็นวันหยุดของทางราชการประจำปีถึง 3 วัน จึงได้ประกาศให้มีวันฉลองรัฐธรรมนูญเหลือเพียงวันที่ 10 ธันวาคมวันเดียว



วีดิทัศน์งานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2476 ของหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน)
จาก https://www.youtube.com/watch?v=5WqHOitmNkA


รัฐธรรมนูญจงเจริญ

ข้อความ "รัฐธรรมนูญจงเจริญ" บนซุ้มทางเข้างานฉลองรัฐธรรมนูญ

พระราชทานรัฐธรรมนูญ

คณะผู้แทนและราษฎรเฝ้า ในงานพระราชทานรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2475

ขบวนพาเหรด

ลูกเสือ ทหารม้า ในขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองบนถนนราชดำเนิน

ขบวนพาเหรด

ขบวนพาเหรดเฉลิมฉลองของกรมแผนที่บนถนนราชดำเนิน

งานฉลองรัฐธรรมนูญ

งานฉลองรัฐธรรมนูญ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม เมื่อปี พ.ศ. 2475

ยิงสลุต

ทหารบกยิงสลุตเฉลิมฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2475

ร้านค้าในงาน

งานออกร้านจำหน่ายสินค้าและนิทรรศการในงานฉลองรัฐธรรมนูญ

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม โดยมีคณะผู้แทนและราษฎรเฝ้า

ตอนที่ 4

มีอะไรในงานฉลองรัฐธรรมนูญ

Author image
การชมพานรัฐธรรมนูญ

วันที่ 11-12 ธันวาคม 2475 ตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มถึงเที่ยงคืนที่ท้องสนามหลวง มีการแสดงมหรสพ โขน ละคร ลิเก เพลงจำอวด งิ้ว และภาพยนตร์กางแปลง จบด้วยการจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองตอนเที่ยงคืนของทั้งสองวัน และที่ลานหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ในช่วงเวลาเย็นถึงเที่ยงคืน ไฮไลท์ที่หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม คือ กระโจม หรือ ปะรำสำหรับจัดแสดง “พานใส่รัฐธรรมนูญฉบับจริง” เป็นพานทองสองชั้นและมีสมุดไทยเล่มยาวเขียนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปกครองสยามต้นฉบับตัวจริงวางไว้ด้านบน เปิดให้ประชาชนได้รู้จักว่าหน้าตารัฐธรรมนูญตัวจริง ฉบับจริงเป็นอย่างไร และเปิดให้ประชาชนได้แสดงความเคารพ

Author image
มหกรรมที่ตั้งตาคอย

งานฉลองรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะกำหนดจัดในช่วงใด ประชาชนตื่นเต้นกับงานฉลองรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหญิงสาว ทั้งสาวใหญ่ สาวกลางและสาวน้อย ต่างวุ่นวายกับการเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และยังต้องเตรียมทำผมกันอีก ดูชุลมุนกันไปทุกมุมเมือง ป. อินทรปาลิต ผู้ประพันธ์หัสนิยายชุดสามเกลอ ได้เขียนถึงบรรยากาศงานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2480 ว่า งานฉลองรัฐธรรมนูญนี้เป็นงานที่ “...พี่บังหนวดยุ่มย่ามแถวพาหุรัดอยากให้มีปีละ 365 วัน งานรัฐธรรมนูญอันเป็นมิ่งขวัญของชาติ งานนี้แหละ ผู้หญิงที่มีอายุ 12 ขวบ จนกระทั่ง 40 ขวบ เร่งวันเร่งคืนรอคอยด้วยความปรารถนา ก่อนจะถึงงานร้านตัดเสื้อ (ผู้หญิง) ต้องทำงานหนัก แขกพาหุรัดเกือบหาเวลากินโรตีไม่ได้ ผ้าแพรเสื้อกระโปรงขายราวกับเทน้ำเทท่า...”

ภาพปกหนังสือจาก https://www.samgler.org
Author image
นางสาวสยาม

การจัดประกวดนางงามระดับชาติของไทยจัดขึ้นครั้งแรกในชื่องานประกวด “นางสาวสยาม” ซึ่งจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2477 ณ วังสราญรมย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ประกาศใช้นโยบายรัฐนิยมฉบับที่ 1 เปลี่ยนชื่อประเทศจาก “สยาม” เป็น “ไทย” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 งานประกวดนางงามจึงเปลี่ยนชื่อจาก “นางสาวสยาม” เป็น “นางสาวไทย”

วัตถุประสงค์ในการจัดประกวดนางงามเริ่มจากงานฉลองรัฐธรรมนูญ จัดขึ้นเพื่อดึงดูดประชาชนให้มาร่วมงาน อีกทั้งยังซ่อนนัยยะที่สะท้อนแนวคิดเสรีนิยมในการเมืองแบบประชาธิปไตย ให้ผู้หญิงได้แสดงออกและมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับผู้ชาย ผู้หญิงสามารถแสดงออกในพื้นที่สาธารณะ ผ่านการประกวด การแข่งขัน การโชว์ตัว ผลปรากฏว่า ประชาชนให้การตอบรับดีมากกับเวทีนางงาม และเวทีนางสาวไทยก็ยังคงจัดประกวดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

ภาพประกอบจาก https://forum.thailandtip.info
Author image
ลีลาศครองเมือง

งานลีลาศแบบตะวันตก เกิดขึ้นครั้งแรกในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2495 ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลจัดงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการที่สวนลุมพินี พร้อมแนวคิดยกระดับชีวิตไทยทันสมัย โดยหนึ่งในความทันสมัยที่รัฐบาลจัดขึ้น คือเวทีลีลาศของ “ลุมพินีสถาน” อันเป็นสถานที่หรูหราของยุคนั้น ซึ่งภายในสวนลุมพินี สวนสาธารณะแห่งแรกของยุคนั้นได้มีการจัดงานรื่นเริงเสมอ ๆ โดยเฉพาะในงานประจำปีรื่นเริงบันเทิงฉลองรัฐธรรมนูญ โดยในปี พ.ศ. 2495-2496 รัฐบาลทุ่มเงินมหาศาลจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญ ในช่วงต้นเดือนธันวาคม มีทั้งออกร้านแสดงสินค้า การละเล่นเต้นรำ ออกร้านจำหน่ายของกินของใช้ และเปิดขายสุราให้ประชาชนมาเที่ยวได้สนุกสนานเมามายกันเต็มที่ ในยุคนั้นประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ความทันสมัยแบบตะวันตก งานฉลองรัฐธรรมนูญใหญ่กว่างานกาชาดประจำปีในยุคปัจจุบันเสียอีก และเป็นงานรวมคนทุกวัย จะได้แต่งตัวเฉิดฉายเต็มที่ออกมาเที่ยวงาน นอกจากจะมีลีลาศหนุ่มสาวไทยแล้ว ในงานฉลองรัฐธรรมนูญ ปี พ.ศ. 2496 ที่สวนลุมพินียังมีงานแสดงจากนานาชาติ รวมถึง “ซาเวียคูกัต” นักเต้นสัญชาติอเมริกันชื่อดังแห่งยุค เจ้าของฉายา “ราชารุมบ้า” ก็มาแสดงลีลาท่าเต้นรุมบ้าอันเร่าร้อน ให้ชาวไทยได้อย่างครึกครื้นด้วย

Author image
งานแสดงสินค้านานาชาติ

ในปี พ.ศ. 2495 นอกงานลีลาศแบบตะวันตกเกิดขึ้นแล้ว ความอลังการงานสร้างของงานฉลองรัฐธรรมนูญ คือ การออกร้านแสดงสินค้านานาชาติ ที่เจ้าของสินค้าทุ่มทุนสร้างตึกจำลองมาตั้งในสวนลุมพินี รวมทั้งมีสินค้านานาชาติมาจัดร้านแสดงสินค้า เช่น ร้านของญี่ปุ่นที่สร้างตึกจำลอง เก๋งญี่ปุ่น สูง 5 ชั้น ส่วนร้านของสหภาพโซเวียต จำลองร้านเป็น “พระราชวังแก้ว” ถอดแบบ “จตุรัสแดง” กรุงมอสโคว์ มาตั้งกลางสวนลุมพินี เพื่อร่วมงานแสดงสินค้าที่ทำมาจากฝีมือของคนรัสเซียกว่า 10,000 ชนิด ซึ่งสวยงามสง่าไม่แพ้ของญี่ปุ่น

Author image
นั่งรถไฟขบวนโคลามาชมงาน

งานฉลองรัฐธรรมนูญ ในปี พ.ศ. 2495-2496 คือการได้นั่งรถไฟขบวนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า “ขบวนโคลา” วิ่งวนชมบรรยากาศรอบงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อชมการประดับไฟเต็มสวนลุมพินี รวมทั้งมีจุดพลุสีต่าง ๆ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วกลางเมือง รวมทั้งชมการประกวดขบวนเรือประดับไฟสวยงามล่องกลางสระน้ำใจกลางสวนลุมพินี

ภาพประกอบจาก https://.silpa-mag.com
Author image
เบียร์สิงห์

เบียร์สิงห์ ผลิตโดย บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด โดยพระยาภิรมย์ภักดี (บุญรอด เศรษฐบุตร) ผู้ก่อตั้ง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ เป็นหนึ่งในสมาชิกสโมสรคณะราษฎร ได้นำเบียร์สิงห์ที่ต้มกลั่นจนได้ที่ ออกเผยแพร่ครั้งแรกในงานฉลองรัฐธรรมนูญของสโมสรคณะราษฎร เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2477

Author image
motto รัฐธรรมนูญ

การนำรูปรัฐธรรมนูญมาประดับ หรือ motto เพื่อเทิดทูนหวงแหนระบอบการปกครองใหม่ในโฆษณาโดยผู้ประกอบการเอกชน เช่น จาน ชาม ยารักษาโรค โอ่ง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงเครื่องสำอางสำหรับสุภาพสตรี แป้งประทินผิวและร้านเสริมสวยสุภาพสตรี ที่ได้กล่าวถึงการเผยแพร่รัฐธรรมนูญ ลงโฆษณานิตยสารหนังสือพิมพ์พานแว่นฟ้าและรัฐธรรมนูญ เรียกได้ว่าเป็นรูปที่มีทุกบ้านในเวลานั้นก็ไม่แปลก

ตอนที่ 5

สิ้นสุดงานฉลอง


แม้ว่างานฉลองรัฐธรรมนูญ ได้ลดบทบาทความสำคัญลงมากตั้งแต่ช่วงราวปี พ.ศ. 2490 สืบเนื่องมาจากภาวะสงครามโลก และการเปลี่ยนแปลงกลุ่มบุคคลที่เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2501 เมื่อจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ กระทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจาก จอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ได้ยกเลิกงานฉลองรัฐธรรมนูญที่เป็นมหกรรมไปโดยสิ้นเชิง คงไว้เพียงงานพระราชพิธีในวันที่ 10 ธันวาคมเท่านั้น

ทั้งนี้ งานฉลองรัฐธรรมนูญมิได้ยกเลิกทุกจังหวัดเสียทีเดียว บางจังหวัดได้จัดต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน อาทิ จังหวัดตรัง ได้จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญเป็นงานประจำปีที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองตรังไปแล้ว โดยเริ่มจัดงานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2476 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง (หลังเดิม) เดิมทีใช้ชื่องานว่า “งานฉลองรัฐธรรมนูญ” เป็นการจัดงานเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย และในปีต่อ ๆ มาได้มีการจัดงานฉลองรัฐธรรมนูญมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งปี พ.ศ. 2489 ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่องานเป็น “งานเฉลิมพระชนมพรรษาและงานฉลองรัฐธรรมนูญ” เพื่อเฉลิมฉลองในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และงานฉลองรัฐธรรมนูญไปพร้อมกัน

ปัจจุบัน จังหวัดตรังใช้ชื่องานว่า “งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาด” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระลึกถึงการพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยครั้งแรก ตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเพื่อเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวตรัง รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน โดยมีการออกร้านของหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งการออกร้านกาชาดเพื่อการกุศล


“งานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาด” จ.ตรัง ภาพประกอบจาก https://trang.cdd.go.th

ตอนที่ 6

บททดสอบและเกร็ดความรู้

บททดสอบความจำเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญไทยและงานฉลองรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ข้อ ไปทดสอบกันได้เลย!!!


=ดูเฉลย=