
ชวเลขในสภา คุณค่าควรแก่การรักษา
ซันวา สุดตา | 11 พฤศจิกายน 2564
“...การดำเนินงานของรัฐสภานั้น ชวเลข คือ หัวใจสำคัญของการประชุมรัฐสภา เพราะการจดชวเลขเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ทั้งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา คณะกรรมาธิการ คณะกรรมการ หรือการประชุมใดที่มีความจำเป็นต้องใช้ชวเลข...”
ชวเลข (Shorthand) เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทักษะในการใช้สัญลักษณ์แทนตัวอักษร เพื่อให้จดรายงานบันทึกคำอภิปรายหรือรายละเอียดของถ้อยคำที่กล่าวในที่ประชุม และนำชวเลขมาแปลเป็นตัวอักษรภาษาไทยเพื่อจัดทำเป็นรายงาน ซึ่งรายงานดังกล่าว สามารถนำมาเป็นเอกสารอ้างอิงการทำงานหรือการศึกษาค้นคว้า ตลอดจนเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของชาติที่ใช้อ้างอิงได้ในอนาคต

เจ้าหน้าที่ชวเลข หรือพนักงานชวเลขของสภาในอดีต มีหลักฐานปรากฏอ้างอิงได้จากหนังสือ
“สี่สิบสองปีรัฐสภาไทย” ของนายประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 6 ซึ่งเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานในสภาผู้แทนราษฎรมาตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง
และได้บรรจุเป็นข้าราชการในตำแหน่งพนักงานชวเลข ชั้นรองผู้รักษาการ ในสมัยนั้นเขียนไว้ในคำปรารภว่า
“...ตั้งแต่แรกเริ่มที่ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย สภาผู้แทนราษฎรเปิดประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475
ในส่วนของผู้จดรายงานการประชุม ได้ยืมตัวหลวงชวเลขปรีชา และนายสิงห์ กลางวิสัย มาช่วยจดรายงานการประชุมเฉพาะวันประชุมสภา
ต่อจากนั้นเมื่อตั้งกรมเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในปี พ.ศ. 2476 จึงได้เริ่มบรรจุข้าราชการตำแหน่งพนักงานชวเลข ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแผนกรายงานการประชุมกองการประชุม
และในกองกรรมาธิการบ้างเพียงเล็กน้อย...”

นักชวเลขในยุค 2475 - 2500
ในปี พ.ศ. 2505 สมัยนายประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ เป็นเลขาธิการรัฐสภา และนายประหยัด แดงอินทวัฒน์ เป็นหัวหน้าแผนกรายงานการประชุม กองการประชุม ได้จัดให้มีการสอนวิชาชวเลขให้กับข้าราชการและผู้เข้าสมัครฝึกงานในสำนักงาน โดยให้นักชวเลขในแผนกนี้เป็นคณะอาจารย์ผู้ฝึกสอน และหนึ่งในอาจารย์ผู้สอนเป็นบุตรชายคนเดียวของหลวงชวลักษณ์ลิขิต คือ นายสุขันธ์ จิตรกถึก ซึ่งต่อมาเป็นหัวหน้าแผนกรายงานการประชุม
ในปี พ.ศ. 2517 นายประสิทธิ์ ศรีสุชาติ เป็นเลขาธิการรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ได้เห็นความสำคัญและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานชวเลข โดยได้รวบรวมพนักงานชวเลขซึ่งอยู่ในกองการประชุมและกองกรรมาธิการเข้าด้วยกัน โดยตั้งเป็น “ศูนย์ชวเลขและพิมพ์ดีด” มีภารกิจหน้าที่ด้านการจดและจัดทำรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา และคณะกรรมาธิการ มีนายธนู บุณยรังคะ เป็นหัวหน้าศูนย์ฯ คนแรก และในปี พ.ศ. 2535 มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา โดยแยกเป็น 2 สำนักงาน คือ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา มีเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของแต่ละสำนักงาน ประกอบด้วย กองและศูนย์ ขณะนั้นศูนย์ชวเลขและพิมพ์ดีด มีนายสินธุ์ชัย ซื่อสัตย์ดี เป็นผู้อำนวยการ สังกัดสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

ต่อมาวันที่ 26 สิงหาคม 2545 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในใหม่ โดยนำฝ่ายรายงานการประชุมจากสำนักการประชุมเข้ารวมอยู่ในศูนย์ชวเลขและพิมพ์ดีด และเปลี่ยนชื่อเป็น “สำนักรายงานการประชุมและชวเลข” และยังคงใช้ตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่ชวเลข” และเมื่อได้ปรับระดับตำแหน่งและประเภทของสายงาน จึงเปลี่ยนชื่อตำแหน่ง “เจ้าหน้าที่ชวเลข” มาเป็น “เจ้าพนักงานชวเลข” เพื่อให้รองรับภารกิจด้านรายงานการประชุมของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภาที่ชัดเจนมากขึ้น และเมื่อวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2563 คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา (ก.ร.) มีมติให้เปลี่ยนชื่อมาตรฐานกำหนดตำแหน่งและระดับของ “เจ้าพนักงานชวเลข (ระดับปฏิบัติงาน-อาวุโส)” เป็นตำแหน่ง “เจ้าพนักงานจัดทำรายงานการประชุม (ระดับปฏิบัติงาน-อาวุโส)” โดยเจ้าพนักงานชวเลขที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน ให้ครองตำแหน่งเดิมจนกว่าจะเกษียณอายุราชการหรือพ้นจากตำแหน่ง แล้วจึงเปลี่ยนเป็นเจ้าพนักงานจัดทำรายงานการประชุม และกรณีตำแหน่งเจ้าพนักงานชวเลขว่างลง ให้เปลี่ยนเป็นเจ้าพนักงานจัดทำรายงานการประชุม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการสรรหาตำแหน่งเจ้าพนักงานชวเลขของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

สมุดจดชวเลขในปี พ.ศ. 2529
การดำเนินงานของรัฐสภานั้น ชวเลข คือ หัวใจสำคัญของการประชุมรัฐสภา เพราะการจดชวเลขเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น ทั้งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร การประชุมวุฒิสภา การประชุมร่วมกันของรัฐสภา คณะกรรมาธิการ คณะอนุกรรมาธิการ คณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือการประชุมใดที่มีความจำเป็นต้องใช้ชวเลข เป็นต้น เจ้าพนักงานชวเลข นอกจากการทำหน้าที่ในการจดบันทึกถ้อยคำของสมาชิกแต่ละคนที่อภิปรายด้วยภาษาชวเลขแล้ว การแก้ปัญหาในเหตุการณ์เฉพาะหน้า เช่น ห้องประชุมสภามีการบันทึกเหตุการณ์หน้าบัลลังก์ หรือเกิดเหตุขัดข้องในการใช้อุปกรณ์การบันทึกเสียงหรือไมโครโฟน เจ้าพนักงานชวเลขสามารถตอบประเด็นอภิปรายได้ทันที เพราะเจ้าพนักงานชวเลขได้จดถ้อยคำของผู้อภิปราย รวมทั้งจดจำรายละเอียดของเหตุการณ์ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง ประกอบกับเจ้าหนักงานชวเลขยังใช้เทคนิคส่วนบุคคลในการจำเสียงของผู้อภิปรายได้ โดยไม่ต้องเสียเวลามองว่าผู้อภิปรายนั้นเป็นใคร ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนแต่เกิดจากความสั่งสมประสบการณ์มาแล้วทั้งสิ้น แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพียงใด ก็ไม่สามารถปฏิบัติงานในลักษณะดังกล่าวแทนเจ้าพนักงานชวเลขได้
ถือเป็นความภาคภูมิใจที่รัฐสภาไทยได้นำชวเลขมาใช้ตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลา 89 ปี (28 มิถุนายน 2475 ถึงปี พ.ศ. 2564) แม้จะมองว่าเทคโนโลยีไม่อาจจะมาทดแทนชวเลขในงานลักษณะดังกล่าวได้ แต่จากกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ด้วยการประดิษฐ์คิดค้นอุปกรณ์การสื่อสาร เพื่อรองรับความต้องการของมนุษย์อย่างมากมาย ในอนาคตอันใกล้ สิ่งเหล่านี้ก็อาจลดบทบาทของชวเลขลงได้ในที่สุด หากไม่ช่วยกันรักษาไว้ ภาษาชวเลขก็อาจจะสูญสิ้นไปจากรัฐสภา และจากประเทศไทย คงเป็นที่เสียดาย หากจะต้องปล่อยให้สูญหายไป โดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย